ไม่มีย่อสั้น
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
(คำสั่ง) ที่ ๒๖/๒๕๔๕
วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๕
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลจังหวัดลพบุรี
ระหว่าง
ศาลปกครองกลาง
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดลพบุรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจของศาลที่รับฟ้อง และศาลที่ส่งความเห็นกับศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๔ นายวิเศษ คำภา ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน หมู่ที่ ๕ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๓๗/๒๕๔๔ คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน หมู่ที่ ๕ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ เนื่องจากเจ้าพนักงาน ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งหมู่ที่ ๕ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่นโดยมิชอบ ทำให้ผู้ร้องไม่ได้รับเลือกตั้ง จึงขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งว่า ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียนไม่ได้รับเลือกตั้งโดยชอบ หรือไม่มีบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบ รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ต่อมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน ผู้คัดค้าน โดยนายอรัญ ทั่งทองแท้ พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี ทนายความผู้คัดค้าน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรี ก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองและขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดลพบุรีเห็นว่า คดีนี้เป็นการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเจ้าหน้าที่คะแนน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลปกครองกลางเห็นว่า คดีนี้เป็นการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบล ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ บัญญัติว่า " เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว..." จึงเห็นว่าศาลที่มีอำนาจพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คือ ศาลยุติธรรม เนื่องจากเป็นศาลที่ดำเนินการพิจารณาโดยใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลักในการพิจารณาส่วนศาลปกครองดำเนินการพิจารณาโดยใช้พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลปกครองกลางจึงไม่มีอำนาจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๓/๒๕๔๔ ถึง ๗/๒๕๔๔
อนึ่ง คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลว่าอยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรมไว้แล้ว จำนวน ๗ เรื่อง และได้มีคำสั่งยกคำร้องเนื่องจากเป็นการร้องซ้ำ จำนวน ๑ เรื่อง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คณะกรรมการควรวินิจฉัยเรื่องนี้ซ้ำอีกหรือไม่
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน หมู่ที่ ๕ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และผู้คัดค้าน ยื่นคำร้องว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดว่า ศาลใด มีเขตอำนาจเหนือคดีนี้ ซึ่งคณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว จำนวน ๗ เรื่อง ว่า คดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล อยู่ในเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมชั้นต้น ซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๓/๒๕๔๔ ถึงที่ ๗/๒๕๔๔ ที่ ๘/๒๕๔๕ และ ที่ ๙/๒๕๔๕ และเคยมีคำสั่งยกคำร้องของผู้คัดค้าน ที่ขอให้คณะกรรมการฯ วินิจฉัยชี้ขาดเขตอำนาจศาลในคดีที่มีข้อเท็จจริงลักษณะเดียวกันนี้ ตามคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล (คำสั่ง) ที่ ๑๕/๒๕๔๕ ทั้งเรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงหรือลักษณะพิเศษที่แตกต่าง ไปจากเรื่องเดิมอันจะทำให้คณะกรรมการต้องวินิจฉัยเพิ่มเติมหรือวินิจฉัยในประเด็นอื่นอีก ถือได้ว่าเป็นการร้องขอให้วินิจฉัยซ้ำในเรื่องที่คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ตามข้อบังคับคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ว่าด้วยการเสนอเรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒๘
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน ผู้คัดค้านเสียและศาลจังหวัดลพบุรีมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
นายสันติ ทักราล หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
นายอักขราทร จุฬารัตน นายโภคิน พลกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ พลโท อาชวัน อินทรเกสร
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
นายพรชัย รัศมีแพทย์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ไม่มีย่อสั้น
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
(คำสั่ง) ที่ ๒๖/๒๕๔๕
วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๕
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลจังหวัดลพบุรี
ระหว่าง
ศาลปกครองกลาง
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดลพบุรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจของศาลที่รับฟ้อง และศาลที่ส่งความเห็นกับศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๔ นายวิเศษ คำภา ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน หมู่ที่ ๕ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๓๗/๒๕๔๔ คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน หมู่ที่ ๕ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ เนื่องจากเจ้าพนักงาน ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งหมู่ที่ ๕ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่นโดยมิชอบ ทำให้ผู้ร้องไม่ได้รับเลือกตั้ง จึงขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งว่า ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียนไม่ได้รับเลือกตั้งโดยชอบ หรือไม่มีบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบ รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ต่อมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน ผู้คัดค้าน โดยนายอรัญ ทั่งทองแท้ พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี ทนายความผู้คัดค้าน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรี ก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองและขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดลพบุรีเห็นว่า คดีนี้เป็นการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเจ้าหน้าที่คะแนน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลปกครองกลางเห็นว่า คดีนี้เป็นการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบล ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ บัญญัติว่า " เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว..." จึงเห็นว่าศาลที่มีอำนาจพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คือ ศาลยุติธรรม เนื่องจากเป็นศาลที่ดำเนินการพิจารณาโดยใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลักในการพิจารณาส่วนศาลปกครองดำเนินการพิจารณาโดยใช้พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลปกครองกลางจึงไม่มีอำนาจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๓/๒๕๔๔ ถึง ๗/๒๕๔๔
อนึ่ง คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลว่าอยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรมไว้แล้ว จำนวน ๗ เรื่อง และได้มีคำสั่งยกคำร้องเนื่องจากเป็นการร้องซ้ำ จำนวน ๑ เรื่อง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คณะกรรมการควรวินิจฉัยเรื่องนี้ซ้ำอีกหรือไม่
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน หมู่ที่ ๕ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และผู้คัดค้าน ยื่นคำร้องว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดว่า ศาลใด มีเขตอำนาจเหนือคดีนี้ ซึ่งคณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว จำนวน ๗ เรื่อง ว่า คดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล อยู่ในเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมชั้นต้น ซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๓/๒๕๔๔ ถึงที่ ๗/๒๕๔๔ ที่ ๘/๒๕๔๕ และ ที่ ๙/๒๕๔๕ และเคยมีคำสั่งยกคำร้องของผู้คัดค้าน ที่ขอให้คณะกรรมการฯ วินิจฉัยชี้ขาดเขตอำนาจศาลในคดีที่มีข้อเท็จจริงลักษณะเดียวกันนี้ ตามคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล (คำสั่ง) ที่ ๑๕/๒๕๔๕ ทั้งเรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงหรือลักษณะพิเศษที่แตกต่าง ไปจากเรื่องเดิมอันจะทำให้คณะกรรมการต้องวินิจฉัยเพิ่มเติมหรือวินิจฉัยในประเด็นอื่นอีก ถือได้ว่าเป็นการร้องขอให้วินิจฉัยซ้ำในเรื่องที่คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ตามข้อบังคับคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ว่าด้วยการเสนอเรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒๘
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระเบียน ผู้คัดค้านเสียและศาลจังหวัดลพบุรีมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
นายสันติ ทักราล หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
นายอักขราทร จุฬารัตน นายโภคิน พลกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ พลโท อาชวัน อินทรเกสร
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
นายพรชัย รัศมีแพทย์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 57 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง
ไม่มีย่อสั้น
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
(คำสั่ง) ที่ ๑๕ /๒๕๔๕
วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลจังหวัดลพบุรี
ระหว่าง
ศาลปกครองกลาง
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดลพบุรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจของศาลที่รับฟ้อง และศาลที่ส่งความเห็นกับศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ นายประสาน พงศ์ขจร ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย หมู่ที่ ๒ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๒๘/๒๕๔๔ คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย หมู่ที่ ๒ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กล่าวคือ การนับคะแนนเป็นไปโดยความรีบเร่งจนเกินไปและการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่า บัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ๓ ใบ เป็นบัตรเสียนั้นไม่ถูกต้อง การกระทำดังกล่าวของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งให้ยกเลิกคณะกรรมการตรวจคะแนนที่ได้รับการแต่งตั้งตามประกาศ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๔ และมีคำสั่งให้การรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วยในส่วนของหมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านกล้วย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ เป็นโมฆะ กับขอให้วินิจฉัยชี้ขาดว่าบัตรเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่าเป็นบัตรเสียนั้นเป็นบัตรเสียตามกฎหมายหรือไม่ ต่อมา องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย ผู้คัดค้าน โดยนายอรัญ ทั่งทองแท้ พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี ทนายผู้คัดค้าน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองและขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจ หน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดเสียก่อนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดลพบุรีเห็นว่า คำร้องของนายประสาน พงศ์ขจร ผู้ร้อง เป็นคำร้องที่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลปกครองกลางเห็นว่า ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ในระหว่างที่ไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโดยอนุโลม ซึ่งตามมาตรา ๕๗ และ ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ บัญญัติให้ผู้สมัครคนใดเห็นว่าการเลือกตั้งในเขตนั้นเป็นไปโดยมิชอบ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว ดังนั้น ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งจึงควรเป็นศาลยุติธรรม เพราะศาลยุติธรรมดำเนินกระบวนพิจารณาโดยใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก ส่วนศาลปกครองดำเนินกระบวนพิจารณาโดยใช้พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล วิธีพิจารณาคดีถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปตามความมุ่งหมายของกฎหมาย หากศาลปกครองต้องตัดสินคดีปกครองโดยใช้วิธีพิจารณาความแพ่งแทนที่จะใช้วิธีพิจารณาคดีปกครองย่อมจะไม่สอดคล้องกับระบบและความมุ่งหมายของกฎหมาย จึงเห็นว่า คำร้องคัดค้านการ เลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วยของนายประสาน พงศ์ขจร อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดลพบุรี (ศาลยุติธรรม) ตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๑/๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๔
อนึ่ง คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลว่าอยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรมไว้แล้วรวม ๗ เรื่อง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คณะกรรมการควรวินิจฉัยเรื่องนี้ซ้ำอีกหรือไม่
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย หมู่ที่ ๒ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดว่า ศาลใดมีเขตอำนาจเหนือคดีนี้ ซึ่งคณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้วรวม ๗ เรื่องว่า คดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบล อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๓ ถึงที่ ๗/๒๕๔๔ ที่ ๘และ ๙/๒๕๔๕ ทั้งเรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงหรือลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากเรื่องเดิมอันจะทำให้คณะกรรมการต้องวินิจฉัยเพิ่มเติมหรือวินิจฉัยในประเด็นอื่นอีก ถือได้ว่าเป็นการร้องขอให้วินิจฉัยซ้ำในเรื่องที่คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ตามข้อบังคับคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ว่าด้วยการเสนอเรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒๘
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วยผู้คัดค้านเสียและ
ศาลจังหวัดลพบุรีมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
นายสันติ ทักราล หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
นายอักขราทร จุฬารัตน นายโภคิน พลกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ พลโท อาชวัน อินทรเกสร
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
นายพรชัย รัศมีแพทย์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ไม่มีย่อสั้น
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
(คำสั่ง) ที่ ๑๕ /๒๕๔๕
วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลจังหวัดลพบุรี
ระหว่าง
ศาลปกครองกลาง
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดลพบุรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจของศาลที่รับฟ้อง และศาลที่ส่งความเห็นกับศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ นายประสาน พงศ์ขจร ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย หมู่ที่ ๒ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๒๘/๒๕๔๔ คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย หมู่ที่ ๒ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กล่าวคือ การนับคะแนนเป็นไปโดยความรีบเร่งจนเกินไปและการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่า บัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ๓ ใบ เป็นบัตรเสียนั้นไม่ถูกต้อง การกระทำดังกล่าวของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งให้ยกเลิกคณะกรรมการตรวจคะแนนที่ได้รับการแต่งตั้งตามประกาศ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๔ และมีคำสั่งให้การรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วยในส่วนของหมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านกล้วย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ เป็นโมฆะ กับขอให้วินิจฉัยชี้ขาดว่าบัตรเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งวินิจฉัยว่าเป็นบัตรเสียนั้นเป็นบัตรเสียตามกฎหมายหรือไม่ ต่อมา องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย ผู้คัดค้าน โดยนายอรัญ ทั่งทองแท้ พนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี ทนายผู้คัดค้าน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดลพบุรีก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองและขอให้ศาลจังหวัดลพบุรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจ หน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดเสียก่อนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดลพบุรีเห็นว่า คำร้องของนายประสาน พงศ์ขจร ผู้ร้อง เป็นคำร้องที่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลปกครองกลางเห็นว่า ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ในระหว่างที่ไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโดยอนุโลม ซึ่งตามมาตรา ๕๗ และ ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ บัญญัติให้ผู้สมัครคนใดเห็นว่าการเลือกตั้งในเขตนั้นเป็นไปโดยมิชอบ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว ดังนั้น ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งจึงควรเป็นศาลยุติธรรม เพราะศาลยุติธรรมดำเนินกระบวนพิจารณาโดยใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก ส่วนศาลปกครองดำเนินกระบวนพิจารณาโดยใช้พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล วิธีพิจารณาคดีถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปตามความมุ่งหมายของกฎหมาย หากศาลปกครองต้องตัดสินคดีปกครองโดยใช้วิธีพิจารณาความแพ่งแทนที่จะใช้วิธีพิจารณาคดีปกครองย่อมจะไม่สอดคล้องกับระบบและความมุ่งหมายของกฎหมาย จึงเห็นว่า คำร้องคัดค้านการ เลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วยของนายประสาน พงศ์ขจร อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดลพบุรี (ศาลยุติธรรม) ตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๑/๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๔
อนึ่ง คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลว่าอยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรมไว้แล้วรวม ๗ เรื่อง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คณะกรรมการควรวินิจฉัยเรื่องนี้ซ้ำอีกหรือไม่
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วย หมู่ที่ ๒ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดว่า ศาลใดมีเขตอำนาจเหนือคดีนี้ ซึ่งคณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้วรวม ๗ เรื่องว่า คดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบล อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๓ ถึงที่ ๗/๒๕๔๔ ที่ ๘และ ๙/๒๕๔๕ ทั้งเรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงหรือลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากเรื่องเดิมอันจะทำให้คณะกรรมการต้องวินิจฉัยเพิ่มเติมหรือวินิจฉัยในประเด็นอื่นอีก ถือได้ว่าเป็นการร้องขอให้วินิจฉัยซ้ำในเรื่องที่คณะกรรมการได้เคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ตามข้อบังคับคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ว่าด้วยการเสนอเรื่อง การพิจารณาและวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒๘
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกล้วยผู้คัดค้านเสียและ
ศาลจังหวัดลพบุรีมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
นายสันติ ทักราล หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
นายอักขราทร จุฬารัตน นายโภคิน พลกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ พลโท อาชวัน อินทรเกสร
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
นายพรชัย รัศมีแพทย์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 57 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง
ไม่มีย่อสั้น
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๕/๒๕๔๔
วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๔
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และ มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดปัตตานี
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองได้ส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลหนึ่งไม่รับฟ้อง เพราะเห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่ง เมื่อมีการฟ้องคดีต่ออีกศาลหนึ่งแล้ว ศาลดังกล่าวเห็นว่าคดีนั้นไม่อยู่ในเขตอำนาจเช่นกัน ให้ศาลนั้นส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี โดยนายตอปา สุหลง ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ หน่วยเลือกตั้งที่ ๑ หมู่ที่ ๖ ตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดประจำตัว ประจำตัวหมายเลข ๒ และหมายเลข ๔ เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือต่อศาลจังหวัดปัตตานี อ้างว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง คณะกรรมการตรวจคะแนน และเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งที่ ๑ หมู่ที่ ๖ตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ได้ยินยอมและรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นซึ่งไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายมาใช้สิทธิเลือกตั้งและลงคะแนนในบัตรเลือกตั้ง และเมื่อปิดหีบบัตรเลือกตั้งภายหลังการลงคะแนนเสร็จสิ้นแล้ว กรรมการตรวจคะแนนผู้มีหน้าที่ในการเลือกตั้งได้อ่านคะแนนผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความจริงโดยมีเจตนาทุจริตและฝ่าฝืนต่อกฎระเบียบ ข้อบังคับตามกฎหมาย และการวินิจฉัยบัตรเลือกตั้งว่าเป็นบัตรดีหรือบัตรเสียก็มิได้ดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้อ่านคะแนนไม่ตรงและไม่ครบถ้วนตามจำนวนเครื่องหมายกากบาทที่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ลงคะแนนไว้ในบัตรเลือกตั้งอีกจำนวนหลายบัตรทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เปิดหีบบัตรเลือกตั้งเพื่อตรวจนับคะแนนใหม่ทั้งหมด และมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ หน่วยเลือกตั้งที่ ๑ หมู่ที่ ๖ เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายและไม่มี ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่หากศาลรับฟังได้ว่า การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ขอให้มีคำสั่งว่า ผู้ได้รับการเลือกตั้งที่ได้รับคะแนนน้อยกว่าผู้ร้องเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบ และมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลจังหวัดปัตตานีเห็นว่ากรณีเป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องจึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ ซึ่งศาลปกครองกลางเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง เนื่องจากมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ กำหนดให้การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นวิธีพิจารณาคดีในศาลยุติธรรมจึงเห็นว่าศาลที่มีอำนาจพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คือ ศาลยุติธรรม ศาลปกครองกลางไม่มีอำนาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คือ ศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง หมายความถึง ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้ว เห็นว่า การคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลมีลักษณะเป็นการคัดค้านคำสั่งทางปกครอง เมื่อผู้ร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้ จึงเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)ซึ่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔๕ วรรคสาม บัญญัติว่า"หลักเกณฑ์และวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น" แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นใช้บังคับ กรณีจึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่า "ในระหว่างที่ไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโดยอนุโลม" ดังนั้น การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจึงต้องนำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ บัญญัติว่า"ภายในสิบห้าวัน นับตั้งแต่เทศบาลประกาศผลของการเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบคนก็ดีผู้สมัครคนใดก็ดี ในเขตเลือกตั้งใด เห็นว่าการเลือกตั้งในเขตนั้นเป็นไปโดยมิชอบ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ เพื่อขอให้สั่งว่าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดมิได้รับเลือกตั้งโดยชอบและหรือว่าผู้ใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบ หรือว่าไม่มีบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบ" และมาตรา๕๘ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว ." เป็นการบัญญัติให้ศาลชั้นต้นที่พิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลต้องดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันเป็นวิธีพิจารณาคดีในศาลยุติธรรม ซึ่งวิธีพิจารณาคดีถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปตามความมุ่งหมายของกฎหมาย หากให้ศาลปกครองต้องตัดสินคดีปกครองโดยใช้วิธีพิจารณาความแพ่งแทนที่จะใช้วิธีพิจารณาคดีปกครองย่อมจะไม่สอดคล้องกับระบบและความมุ่งหมายของกฎหมาย ดังนั้น ศาลยุติธรรมจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๑/๒๕๔๔
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ของนายตอปา สุหลง ผู้ร้อง อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดปัตตานี
(ลงชื่อ) สันติ ทักราล (ลงชื่อ) เฉลิมชัย เกษมสันต์
(นายสันติ ทักราล) (หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) โภคิน พลกุล
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายโภคิน พลกุล)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) พรชัย รัศมีแพทย์
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
สำเนาถูกต้อง
(นางอุษณี ฉันทวรคุณ)
นิติกร 6 ว
ไม่มีย่อสั้น
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๕/๒๕๔๔
วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๔
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และ มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดปัตตานี
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองได้ส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลหนึ่งไม่รับฟ้อง เพราะเห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่ง เมื่อมีการฟ้องคดีต่ออีกศาลหนึ่งแล้ว ศาลดังกล่าวเห็นว่าคดีนั้นไม่อยู่ในเขตอำนาจเช่นกัน ให้ศาลนั้นส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๔ ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี โดยนายตอปา สุหลง ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ หน่วยเลือกตั้งที่ ๑ หมู่ที่ ๖ ตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดประจำตัว ประจำตัวหมายเลข ๒ และหมายเลข ๔ เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือต่อศาลจังหวัดปัตตานี อ้างว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง คณะกรรมการตรวจคะแนน และเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งที่ ๑ หมู่ที่ ๖ตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ได้ยินยอมและรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นซึ่งไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายมาใช้สิทธิเลือกตั้งและลงคะแนนในบัตรเลือกตั้ง และเมื่อปิดหีบบัตรเลือกตั้งภายหลังการลงคะแนนเสร็จสิ้นแล้ว กรรมการตรวจคะแนนผู้มีหน้าที่ในการเลือกตั้งได้อ่านคะแนนผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความจริงโดยมีเจตนาทุจริตและฝ่าฝืนต่อกฎระเบียบ ข้อบังคับตามกฎหมาย และการวินิจฉัยบัตรเลือกตั้งว่าเป็นบัตรดีหรือบัตรเสียก็มิได้ดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้อ่านคะแนนไม่ตรงและไม่ครบถ้วนตามจำนวนเครื่องหมายกากบาทที่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ลงคะแนนไว้ในบัตรเลือกตั้งอีกจำนวนหลายบัตรทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เปิดหีบบัตรเลือกตั้งเพื่อตรวจนับคะแนนใหม่ทั้งหมด และมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ หน่วยเลือกตั้งที่ ๑ หมู่ที่ ๖ เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายและไม่มี ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่หากศาลรับฟังได้ว่า การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ขอให้มีคำสั่งว่า ผู้ได้รับการเลือกตั้งที่ได้รับคะแนนน้อยกว่าผู้ร้องเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบ และมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลจังหวัดปัตตานีเห็นว่ากรณีเป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องจึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ ซึ่งศาลปกครองกลางเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง เนื่องจากมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ กำหนดให้การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นวิธีพิจารณาคดีในศาลยุติธรรมจึงเห็นว่าศาลที่มีอำนาจพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล คือ ศาลยุติธรรม ศาลปกครองกลางไม่มีอำนาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คือ ศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง หมายความถึง ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้ว เห็นว่า การคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลมีลักษณะเป็นการคัดค้านคำสั่งทางปกครอง เมื่อผู้ร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้ จึงเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)ซึ่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔๕ วรรคสาม บัญญัติว่า"หลักเกณฑ์และวิธีการสมัครรับเลือกตั้งและการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น" แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นใช้บังคับ กรณีจึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่า "ในระหว่างที่ไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโดยอนุโลม" ดังนั้น การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจึงต้องนำกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ บัญญัติว่า"ภายในสิบห้าวัน นับตั้งแต่เทศบาลประกาศผลของการเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบคนก็ดีผู้สมัครคนใดก็ดี ในเขตเลือกตั้งใด เห็นว่าการเลือกตั้งในเขตนั้นเป็นไปโดยมิชอบ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเขตเลือกตั้งนั้นอยู่ในเขตอำนาจ เพื่อขอให้สั่งว่าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดมิได้รับเลือกตั้งโดยชอบและหรือว่าผู้ใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบ หรือว่าไม่มีบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดได้รับเลือกตั้งโดยชอบ" และมาตรา๕๘ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว ." เป็นการบัญญัติให้ศาลชั้นต้นที่พิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลต้องดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันเป็นวิธีพิจารณาคดีในศาลยุติธรรม ซึ่งวิธีพิจารณาคดีถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปตามความมุ่งหมายของกฎหมาย หากให้ศาลปกครองต้องตัดสินคดีปกครองโดยใช้วิธีพิจารณาความแพ่งแทนที่จะใช้วิธีพิจารณาคดีปกครองย่อมจะไม่สอดคล้องกับระบบและความมุ่งหมายของกฎหมาย ดังนั้น ศาลยุติธรรมจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๘๒ มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ที่ ๑/๒๕๔๔
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ของนายตอปา สุหลง ผู้ร้อง อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดปัตตานี
(ลงชื่อ) สันติ ทักราล (ลงชื่อ) เฉลิมชัย เกษมสันต์
(นายสันติ ทักราล) (หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) โภคิน พลกุล
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายโภคิน พลกุล)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) พรชัย รัศมีแพทย์
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
สำเนาถูกต้อง
(นางอุษณี ฉันทวรคุณ)
นิติกร 6 ว
เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ประกอบกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 มาตรา 57 และมาตรา 58 วรรคหนึ่ง
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|