ผู้ประกันขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาล ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งให้รับตัวจำเลยและออกหมายขังไว้ทันที
ผู้ประกันขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาล ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งให้รับตัวจำเลยและออกหมายขังไว้ทันที
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า จำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า จำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกหรือไม่ เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกหรือไม่ เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของจำเลยซึ่งโต้เถียงในปัญหาที่ว่า ควรเชื่อตามเอกสารของจำเลยหรือไม่ และพยานหลักฐานโจทก์ขัดกับเอกสารนี้รือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของจำเลยซึ่งโต้เถียงในปัญหาที่ว่า ควรเชื่อตามเอกสารของจำเลยหรือไม่ และพยานหลักฐานโจทก์ขัดกับเอกสารนี้รือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำสั่งศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลยนั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำสั่งศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลยนั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้เถียงว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยมีเจตนาที่จะต่อสู้ทำร้ายกับผู้ตาย เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้เถียงว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยมีเจตนาที่จะต่อสู้ทำร้ายกับผู้ตาย เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง
การขอใบรับรองคำพิพากษาต้องเป็นคดีพิพากษาถึงที่สุด และต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้น
การขอใบรับรองคำพิพากษาต้องเป็นคดีพิพากษาถึงที่สุด และต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้น
เมื่อจำเลยได้วางเงินต่อกองบังคับคดีแพ่งเป็นเงินจำนวนพอชำระหนี้ และได้วางค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นในชั้นยื่นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นก็ต้องงดการบังคับคดีไว้ โดยจำเลยไม่จำต้องขอทุเลาการบังคับ
เมื่อจำเลยได้วางเงินต่อกองบังคับคดีแพ่งเป็นเงินจำนวนพอชำระหนี้ และได้วางค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นในชั้นยื่นอุทธรณ์ฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นก็ต้องงดการบังคับคดีไว้ โดยจำเลยไม่จำต้องขอทุเลาการบังคับ
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ เมื่อผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์เสียในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คดีจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ เมื่อผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์เสียในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คดีจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย แล้วจำเลยยื่นฎีกาศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของจำเลยว่า ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ให้ส่งฎีกาให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง ดังนี้ ถือว่าคดียัง ไม่ขึ้นไปสู่ ศาลฎีกา แม้ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ศาลฎีกาก็จะสั่งคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ นั้นไม่ได้
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย แล้วจำเลยยื่นฎีกาศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของจำเลยว่า ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ให้ส่งฎีกาให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง ดังนี้ ถือว่าคดียัง ไม่ขึ้นไปสู่ ศาลฎีกา แม้ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ศาลฎีกาก็จะสั่งคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ นั้นไม่ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบังคับขู่เข็ญหรือใช้อำนาจผิดคลองธรรม อันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่า การกระทำของจำเลยไม่เข้าลักษณะขู่เข็ญจึงเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคลาดเคลื่อนคนละประเด็นกับคำฟ้องของโจทก์นั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคลาดเคลื่อนแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีที่ควรได้รับการวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบังคับขู่เข็ญหรือใช้อำนาจผิดคลองธรรม อันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่า การกระทำของจำเลยไม่เข้าลักษณะขู่เข็ญจึงเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคลาดเคลื่อนคนละประเด็นกับคำฟ้องของโจทก์นั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคลาดเคลื่อนแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีที่ควรได้รับการวินิจฉัย
โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 1 เดือนแล้วไม่ได้ขาดอายุฎีกา
โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 1 เดือนแล้วไม่ได้ขาดอายุฎีกา
ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นคู่ความ จึงไม่มีสิทธิฎีกา
ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นคู่ความ จึงไม่มีสิทธิฎีกา
ฎีกาว่าคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งซึ่งโจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกัน ข้อที่ว่าเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาว่าคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งซึ่งโจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกัน ข้อที่ว่าเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา ซึ่งบิดาได้แจ้งการเกิดว่าเป็นบุตร ได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษาและให้ใช้นามสกุลทั้งแสดงโดยเปิดเผยดังเช่นบิดากับบุตร ถือได้ว่าบิดาได้รับรองว่าเป็นบุตรแล้ว จึงเป็นผู้สืบสันดานและมีสิทธิรับมรดกความของบิดาได้
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา ซึ่งบิดาได้แจ้งการเกิดว่าเป็นบุตร ได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษาและให้ใช้นามสกุลทั้งแสดงโดยเปิดเผยดังเช่นบิดากับบุตร ถือได้ว่าบิดาได้รับรองว่าเป็นบุตรแล้ว จึงเป็นผู้สืบสันดานและมีสิทธิรับมรดกความของบิดาได้
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เรือชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยและเจ้าของเรืออีกฝ่ายหนึ่ง ให้จำคุกจำเลย 6 เดือนและปรับ 500 บาท แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังว่าจำเลยประมาทฝ่ายเดียว แต่ก็พิพากษายืนในข้อเท็จจริงว่าจำเลยประมาทตลอดถึงบทกำหนดโทษ จำเลยจึงจะฎีกาข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ประมาทหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เรือชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยและเจ้าของเรืออีกฝ่ายหนึ่ง ให้จำคุกจำเลย 6 เดือนและปรับ 500 บาท แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังว่าจำเลยประมาทฝ่ายเดียว แต่ก็พิพากษายืนในข้อเท็จจริงว่าจำเลยประมาทตลอดถึงบทกำหนดโทษ จำเลยจึงจะฎีกาข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ประมาทหาได้ไม่
ฎีกาขอให้วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาจะปรับบทเป็นความผิดตามที่ศาลพิพากษาลงโทษได้หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาขอให้วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาจะปรับบทเป็นความผิดตามที่ศาลพิพากษาลงโทษได้หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
คดีอาญาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้เมื่อผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์เสียในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา คดีก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(2)
คดีอาญาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้เมื่อผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์เสียในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา คดีก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(2)
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ประมาท จึงไม่ต้อง รับผิดฐานประมาทเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย เช่นนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ประมาท จึงไม่ต้อง รับผิดฐานประมาทเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย เช่นนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาอันเป็นการเถียงกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาอันเป็นการเถียงกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|