ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นแปลกฎหมายไม่ถูกต้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นแปลกฎหมายไม่ถูกต้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายไปโดยนายประกันไม่ผิดสัญญาประกัน ความรับผิดตามสัญญาประกันย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 118 ศาลต้องคืนหลักประกันแก่นายประกัน
เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายไปโดยนายประกันไม่ผิดสัญญาประกัน ความรับผิดตามสัญญาประกันย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 118 ศาลต้องคืนหลักประกันแก่นายประกัน
จำเลยตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาคดีเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(1) ศาลต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
จำเลยตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาคดีเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(1) ศาลต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ฎีกาของจำเลยในปัญหาที่ว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของใครเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า สัญญาท้ายฟ้องเป็นสัญญาซื้อขายเมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทให้โจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาของจำเลยในปัญหาที่ว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของใครเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า สัญญาท้ายฟ้องเป็นสัญญาซื้อขายเมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทให้โจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ขอเพิ่มเติมฟ้องฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นฎีกาแล้วไม่ได้
ขอเพิ่มเติมฟ้องฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นฎีกาแล้วไม่ได้
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษโดยอ้างเหตุเพราะอะไรก็ตาม เป็นการแก้น้อย เมื่อโทษที่แก้รวมแล้วยังจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษโดยอ้างเหตุเพราะอะไรก็ตาม เป็นการแก้น้อย เมื่อโทษที่แก้รวมแล้วยังจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาที่ว่า ศาลล่างยังมิได้วินิจฉัยข้อหาฐานใช้เอกสารปลอมและแจ้งความเท็จไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณานั้นเมื่อปรากฎชัดว่าศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยให้แล้วจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า ศาลล่างยังมิได้วินิจฉัยข้อหาฐานใช้เอกสารปลอมและแจ้งความเท็จไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณานั้นเมื่อปรากฎชัดว่าศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยให้แล้วจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยทุจริตหลอกลวงโจทก์หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยทุจริตหลอกลวงโจทก์หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและโจทก์มิได้ปฏิบัติการให้ได้รับอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาได้ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 เสียก่อนศาลฎีกาจึงรับฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริงไว้พิจารณาไม่ได้
เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและโจทก์มิได้ปฏิบัติการให้ได้รับอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาได้ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 เสียก่อนศาลฎีกาจึงรับฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริงไว้พิจารณาไม่ได้
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์บอกกล่าวก่อนฟ้องไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย เป็นข้อซึ่งจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่ศาลชั้นต้น และการบอกกล่าวเช่นนี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์บอกกล่าวก่อนฟ้องไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย เป็นข้อซึ่งจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่ศาลชั้นต้น และการบอกกล่าวเช่นนี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง
ฎีกาที่ว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่แน่ชัดและเพียงพอที่จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมกระทำผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่แน่ชัดและเพียงพอที่จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมกระทำผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีนี้ จำเลยเคยยื่นฎีกามาก่อนแล้ว 2 ครั้ง ศาลสั่งไม่รับฎีกาและจำเลยทราบคำสั่งศาลแล้วทั้ง 2 ครั้งจำเลยจึงยื่นฎีกาใหม่อีกเป็นครั้งที่ 3 แต่ยื่นเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ฎีกาของจำเลยจึงยื่นเกินกำหนดอายุฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
คดีนี้ จำเลยเคยยื่นฎีกามาก่อนแล้ว 2 ครั้ง ศาลสั่งไม่รับฎีกาและจำเลยทราบคำสั่งศาลแล้วทั้ง 2 ครั้งจำเลยจึงยื่นฎีกาใหม่อีกเป็นครั้งที่ 3 แต่ยื่นเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ฎีกาของจำเลยจึงยื่นเกินกำหนดอายุฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
สัญญาค้ำประกันในการขอทุเลาการบังคับที่ทำไว้ในชั้นอุทธรณ์โดยให้มีผลบังคับเมื่อคดีถึงที่สุดนั้นยังคงมีผลบังคับอยู่ในชั้นฎีกา ศาลมีอำนาจอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในชั้นฎีกา โดยถือสัญญาค้ำประกันและหลักทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์เป็นหลักประกันได้
สัญญาค้ำประกันในการขอทุเลาการบังคับที่ทำไว้ในชั้นอุทธรณ์โดยให้มีผลบังคับเมื่อคดีถึงที่สุดนั้นยังคงมีผลบังคับอยู่ในชั้นฎีกา ศาลมีอำนาจอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในชั้นฎีกา โดยถือสัญญาค้ำประกันและหลักทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์เป็นหลักประกันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,84 ลงโทษจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามจึงพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 3ปี 4 เดือน ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี การที่โจทก์ฎีกาว่าคดีไม่มีเหตุบรรเทาโทษเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่เห็นควรให้ลดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,84 ลงโทษจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามจึงพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 3ปี 4 เดือน ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี การที่โจทก์ฎีกาว่าคดีไม่มีเหตุบรรเทาโทษเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่เห็นควรให้ลดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลล่างทั้งสองฟังว่ารถจำเลยชนผู้เสียหายซึ่งตรงตามฟ้องและที่โจทก์นำสืบ จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำสืบนอกฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายถูกรถคันอื่นชนจนเสียหลักถลาเข้ามาถูกรถจำเลยนั้น ก็เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง
ศาลล่างทั้งสองฟังว่ารถจำเลยชนผู้เสียหายซึ่งตรงตามฟ้องและที่โจทก์นำสืบ จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำสืบนอกฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายถูกรถคันอื่นชนจนเสียหลักถลาเข้ามาถูกรถจำเลยนั้น ก็เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า จุดที่จับจำเลยได้เป็นป่าหรือไม่ และฎีกาที่ว่า คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยใช้ยันจำเลยได้เพียงใดนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา218
ฎีกาที่ว่า จุดที่จับจำเลยได้เป็นป่าหรือไม่ และฎีกาที่ว่า คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยใช้ยันจำเลยได้เพียงใดนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา218
ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลว่าจะเป็นความผิดอันเป็นองค์ประกอบว่าจำเลยขาดเจตนาหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลว่าจะเป็นความผิดอันเป็นองค์ประกอบว่าจำเลยขาดเจตนาหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 นั้นข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกา คู่ความต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา ดังนั้น เมื่อฎีกาของจำเลยมิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงไว้โดยชัดแจ้งจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 นั้นข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกา คู่ความต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา ดังนั้น เมื่อฎีกาของจำเลยมิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงไว้โดยชัดแจ้งจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ
ผู้ร้องยื่นฎีกาและเสียค่าธรรมเนียมมาถูกต้องในทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง และฎีกาเกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยด้วยแต่ผู้ร้องไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ศาลย่อมไม่รับฎีกาในเรื่องดอกเบี้ยแต่ต้องรับฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับทุนทรัพย์ที่เสียค่าธรรมเนียมถูกต้องแล้ว
ผู้ร้องยื่นฎีกาและเสียค่าธรรมเนียมมาถูกต้องในทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง และฎีกาเกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยด้วยแต่ผู้ร้องไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ศาลย่อมไม่รับฎีกาในเรื่องดอกเบี้ยแต่ต้องรับฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับทุนทรัพย์ที่เสียค่าธรรมเนียมถูกต้องแล้ว
ฎีกาว่า สัญญาเช่าที่พิพาทไม่ผูกพันโจทก์เพราะโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือให้ ท. ไปทำสัญญาเช่าแทน และสัญญาเช่านั้นทำไปโดยสำคัญผิดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาว่า จำเลยไปประกาศรับมรดกของ ป. เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตนั้น การที่จะวินิจฉัยการกระทำว่าเป็นการสุจริตหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาว่า สัญญาเช่าที่พิพาทไม่ผูกพันโจทก์เพราะโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือให้ ท. ไปทำสัญญาเช่าแทน และสัญญาเช่านั้นทำไปโดยสำคัญผิดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาว่า จำเลยไปประกาศรับมรดกของ ป. เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตนั้น การที่จะวินิจฉัยการกระทำว่าเป็นการสุจริตหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|