ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์เฉพาะจำเลยบางคน โจทก์ย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รับฟ้องของโจทก์ จำเลยนั้นก็ย่อมมีสิทธิที่จะฎีกาได้
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์เฉพาะจำเลยบางคน โจทก์ย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รับฟ้องของโจทก์ จำเลยนั้นก็ย่อมมีสิทธิที่จะฎีกาได้
เมื่อตามทางไต่สวนปรากฏว่าจำเลยที่ขอฎีกาอย่างคนอนาถายังมีหลักทรัพย์พอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถา หากจำเลยยังประสงค์ที่จะยื่นฎีกา ก็ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระเสียภายในกำหนด
เมื่อตามทางไต่สวนปรากฏว่าจำเลยที่ขอฎีกาอย่างคนอนาถายังมีหลักทรัพย์พอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถา หากจำเลยยังประสงค์ที่จะยื่นฎีกา ก็ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระเสียภายในกำหนด
ศาลแขวงพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วจำเลยยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยังมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ได้
ศาลแขวงพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วจำเลยยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยังมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ได้
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236จำเลยจะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวอีกไม่ได้
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236จำเลยจะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวอีกไม่ได้
ฎีกาที่ว่า เป็นบาดแผลสาหัสหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาที่ว่า เป็นบาดแผลสาหัสหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
คำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา คู่ความย่อมฎีกาได้
คำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณา คู่ความย่อมฎีกาได้
ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาภายหลังสิ้นระยะเวลายื่นฎีกา โดยไม่มีเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่
ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาภายหลังสิ้นระยะเวลายื่นฎีกา โดยไม่มีเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่
ขอแก้ไขคำพิพากษาฎีกาซึ่งพิมพ์ผิดพลาดเล็กน้อยได้
ขอแก้ไขคำพิพากษาฎีกาซึ่งพิมพ์ผิดพลาดเล็กน้อยได้
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะขาดอายุความนั้น เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะขาดอายุความนั้น เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ปรับจำเลย 250 บาท ถือว่าศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ปรับจำเลย 250 บาท ถือว่าศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย
เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินพิพาทตามสำนวนคดีอาญาที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าบุกรุกและในคดีอาญาดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าจำเลยมิได้บุกรุก ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้จำเลยอ้างสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวมาเป็นพยานเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลฎีกาได้
เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินพิพาทตามสำนวนคดีอาญาที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าบุกรุกและในคดีอาญาดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าจำเลยมิได้บุกรุก ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้จำเลยอ้างสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวมาเป็นพยานเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลฎีกาได้
ฎีกาของโจทก์ซึ่งโต้แย้งคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์ซึ่งยังมิได้จดทะเบียนสิทธิ มาใช้ยันโจทก์ซึ่งได้สิทธิมาโดยจดทะเบียนเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตไม่ได้นั้น เป็นฎีกาที่โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่า โจทก์ซื้อที่ดินรวมทั้งที่พิพากษาโดยไม่สุจริต ดังนี้เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของโจทก์ซึ่งโต้แย้งคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์ซึ่งยังมิได้จดทะเบียนสิทธิ มาใช้ยันโจทก์ซึ่งได้สิทธิมาโดยจดทะเบียนเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตไม่ได้นั้น เป็นฎีกาที่โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่า โจทก์ซื้อที่ดินรวมทั้งที่พิพากษาโดยไม่สุจริต ดังนี้เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าคำเบิกความ ของจำเลยเป็นความจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเบิกความเท็จ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าคำเบิกความ ของจำเลยเป็นความจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเบิกความเท็จ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นซึ่งสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นซึ่งสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
ฎีกาของจำเลยซึ่งขอลดหย่อนโทษ โดยอ้างแต่เหตุควรได้ลดหย่อนหามิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายแต่ อย่างใดเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193และเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
ฎีกาของจำเลยซึ่งขอลดหย่อนโทษ โดยอ้างแต่เหตุควรได้ลดหย่อนหามิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายแต่ อย่างใดเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193และเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดเป็น 2กระทง การพิจารณาว่าโจทก์จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องดูเป็นรายกระทง
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดเป็น 2กระทง การพิจารณาว่าโจทก์จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องดูเป็นรายกระทง
ฎีกาปัญหาที่ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อประกันการกู้เงินหรือเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาปัญหาที่ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อประกันการกู้เงินหรือเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกา โดยไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัย ศาลรับฎีกาไว้ไม่ได้
ยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกา โดยไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัย ศาลรับฎีกาไว้ไม่ได้
คำร้องขอทุเลาการบังคับ ต้องชี้แจงเหตุอันสมควรด้วย
คำร้องขอทุเลาการบังคับ ต้องชี้แจงเหตุอันสมควรด้วย
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อเกินระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อเกินระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|