ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์จะนำสืบหักล้างพยานหลักฐานของจำเลยไม่ได้นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งในข้อนี้ แม้จะรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยดังกล่าวไว้พิจารณาก็ไม่ทำให้จำเลยชนะคดีตามฟ้องแย้งได้ เพราะเมื่อที่ดินพิพาทมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว จำเลยก็จะฟ้องแย้งบังคับให้โจทก์โอนให้ไม่ได้ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์จะนำสืบหักล้างพยานหลักฐานของจำเลยไม่ได้นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งในข้อนี้ แม้จะรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยดังกล่าวไว้พิจารณาก็ไม่ทำให้จำเลยชนะคดีตามฟ้องแย้งได้ เพราะเมื่อที่ดินพิพาทมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว จำเลยก็จะฟ้องแย้งบังคับให้โจทก์โอนให้ไม่ได้ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านา 1 แปลง ราคา 2,000 บาท เป็นของโจทก์มีสิทธิครอบครอง ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ แบ่งที่พิพาทออกเป็น 2 ส่วน ให้โจทก์และจำเลยได้คนละ ส่วน ดังนี้ ถือเป็นแก้น้อย ฎีกา ในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านา 1 แปลง ราคา 2,000 บาท เป็นของโจทก์มีสิทธิครอบครอง ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ แบ่งที่พิพาทออกเป็น 2 ส่วน ให้โจทก์และจำเลยได้คนละ ส่วน ดังนี้ ถือเป็นแก้น้อย ฎีกา ในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนและที่นา ให้จำเลยส่งกระบือ 3 ตัวคืนให้โจทก์ ใช้ค่ากระบือที่ขายไปให้โจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ทำนาไม่ได้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้แบ่งที่ปลูกบ้านและบ้านกับนาครึ่งหนึ่งออกเป็น 6 ส่วน ให้โจทก์ทั้ง 5 คน และจำเลยที่ 2 ได้คนละ 1 ส่วน ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้น้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนและที่นา ให้จำเลยส่งกระบือ 3 ตัวคืนให้โจทก์ ใช้ค่ากระบือที่ขายไปให้โจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ทำนาไม่ได้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้แบ่งที่ปลูกบ้านและบ้านกับนาครึ่งหนึ่งออกเป็น 6 ส่วน ให้โจทก์ทั้ง 5 คน และจำเลยที่ 2 ได้คนละ 1 ส่วน ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้น้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน 2 ฉบับซึ่งทำห่างกัน 1 เดือนเศษ แม้จำนวนเงินตามสัญญากู้แต่ละฉบับจะไม่เกินห้าพันบาท แต่เมื่อรวมกันแล้วเกินห้าพันบาทคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน 2 ฉบับซึ่งทำห่างกัน 1 เดือนเศษ แม้จำนวนเงินตามสัญญากู้แต่ละฉบับจะไม่เกินห้าพันบาท แต่เมื่อรวมกันแล้วเกินห้าพันบาทคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อกฎหมาย โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อกฎหมาย โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
คดีที่คู่ความแถลงรับกันว่าเรือนเลขที่ 320/ค. กับเรือนเลขที่ 25/ค.เป็นเรือนหลังเดียวกันนั้น จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษานอกข้อหาในคำฟ้อง เพราะจำเลยอยู่ ในเรือนเลขที่ 320/ค.ไม่ใช่เลขที่25/ค. ไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย และฎีกาที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเมื่อปัญหาข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ส่วนข้อที่ว่าจำเลยได้สิทธิ์ในเรือนพิพาทโดยการ รับมอบการครอบครองจากโจทก์ เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากัน มาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คดีที่คู่ความแถลงรับกันว่าเรือนเลขที่ 320/ค. กับเรือนเลขที่ 25/ค.เป็นเรือนหลังเดียวกันนั้น จำเลยจะฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษานอกข้อหาในคำฟ้อง เพราะจำเลยอยู่ ในเรือนเลขที่ 320/ค.ไม่ใช่เลขที่25/ค. ไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย และฎีกาที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเมื่อปัญหาข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ส่วนข้อที่ว่าจำเลยได้สิทธิ์ในเรือนพิพาทโดยการ รับมอบการครอบครองจากโจทก์ เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นว่ากัน มาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
เมื่อไม่ได้ฎีกาไว้ ก็ไม่มีคำฟ้องชั้นฎีกาที่จะถอนได้ โจทก์จะขอถอนฟ้องหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเสร็จไปแล้วไม่ได้
เมื่อไม่ได้ฎีกาไว้ ก็ไม่มีคำฟ้องชั้นฎีกาที่จะถอนได้ โจทก์จะขอถอนฟ้องหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเสร็จไปแล้วไม่ได้
ฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
กรณีที่ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดให้โจทก์ร่วมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้นั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว กรณีเช่นนี้ โจทก์ร่วมชอบที่จะขอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้และมีสิทธิฎีกาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
กรณีที่ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดให้โจทก์ร่วมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้นั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว กรณีเช่นนี้ โจทก์ร่วมชอบที่จะขอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้และมีสิทธิฎีกาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยออกเช็คด้วยเจตนาค้ำประกัน มิใช่ออกเช็คด้วยเจตนาที่จะชำระหนี้กันตามเช็ค และโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยออกเช็คด้วยเจตนาไม่ใช้เงินตามเช็ค เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยออกเช็คด้วยเจตนาค้ำประกัน มิใช่ออกเช็คด้วยเจตนาที่จะชำระหนี้กันตามเช็ค และโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยออกเช็คด้วยเจตนาไม่ใช้เงินตามเช็ค เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยมีเจตนาลวนลามแบบชู้สาว โต้เถียงที่ศาลล่างฟังว่า จำเลยกระทำเพื่อหยอกล้อยั่วเย้าผู้เสียหายมากกว่า ซึ่งหมายถึงไม่มีเจตนาทำอนาจารนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยมีเจตนาลวนลามแบบชู้สาว โต้เถียงที่ศาลล่างฟังว่า จำเลยกระทำเพื่อหยอกล้อยั่วเย้าผู้เสียหายมากกว่า ซึ่งหมายถึงไม่มีเจตนาทำอนาจารนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
การขอถอนคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม มีผลเท่ากับเป็นการขอถอนฟ้องโจทก์จะขอถอนฟ้องได้ก็ต่อเมื่อก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา เว้นแต่คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งจะถอนฟ้องหรือยอมความกันได้ก่อนคดีถึงที่สุด
การขอถอนคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม มีผลเท่ากับเป็นการขอถอนฟ้องโจทก์จะขอถอนฟ้องได้ก็ต่อเมื่อก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา เว้นแต่คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งจะถอนฟ้องหรือยอมความกันได้ก่อนคดีถึงที่สุด
ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า โจทก์และพยานโจทก์เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของศาลซึ่งคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์เป็นผู้มีอิทธิพลหากคดีได้มีการพิจารณาพิพากษาในศาลนี้ ความรู้สึกของประชาชนส่วนมากแห่งท้องถิ่นอาจมีการขัดขวางต่อการพิจารณาหรือน่ากลัวจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นได้ เช่นนี้ยังไม่มีเหตุผลพอจะอนุญาตให้สั่งโอนคดีไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ได้
ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า โจทก์และพยานโจทก์เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของศาลซึ่งคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์เป็นผู้มีอิทธิพลหากคดีได้มีการพิจารณาพิพากษาในศาลนี้ ความรู้สึกของประชาชนส่วนมากแห่งท้องถิ่นอาจมีการขัดขวางต่อการพิจารณาหรือน่ากลัวจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นได้ เช่นนี้ยังไม่มีเหตุผลพอจะอนุญาตให้สั่งโอนคดีไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ได้
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันครอบครองที่พิพาทมากับโจทก์ โดยยังมิได้แบ่งปันกันเป็นส่วนสัดโดยเด็ดขาดพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของ โดยแยกครอบครองกับ โจทก์คนละด้านพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนด้านที่โจทก์ ครอบครองดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันครอบครองที่พิพาทมากับโจทก์ โดยยังมิได้แบ่งปันกันเป็นส่วนสัดโดยเด็ดขาดพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของ โดยแยกครอบครองกับ โจทก์คนละด้านพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนด้านที่โจทก์ ครอบครองดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ผู้ประกันขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาล ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งให้รับตัวจำเลยและออกหมายขังไว้ทันที
ผู้ประกันขอถอนประกันและส่งตัวจำเลยต่อศาล ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งให้รับตัวจำเลยและออกหมายขังไว้ทันที
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า จำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า จำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกหรือไม่ เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์ซึ่งโต้แย้งในปัญหาที่ว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกหรือไม่ เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของจำเลยซึ่งโต้เถียงในปัญหาที่ว่า ควรเชื่อตามเอกสารของจำเลยหรือไม่ และพยานหลักฐานโจทก์ขัดกับเอกสารนี้รือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของจำเลยซึ่งโต้เถียงในปัญหาที่ว่า ควรเชื่อตามเอกสารของจำเลยหรือไม่ และพยานหลักฐานโจทก์ขัดกับเอกสารนี้รือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำสั่งศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลยนั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำสั่งศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลยนั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|