ฎีกาจำเลยที่ว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าของกลางถูกลักไป จำเลยไม่ควรมีความผิดฐานรับของโจรนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาจำเลยที่ว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าของกลางถูกลักไป จำเลยไม่ควรมีความผิดฐานรับของโจรนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีที่ผู้ร้องขอคืนทรัพย์ที่ศาลสั่งริบนั้น เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ผู้ร้องจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 217,219
คดีที่ผู้ร้องขอคืนทรัพย์ที่ศาลสั่งริบนั้น เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ผู้ร้องจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 217,219
ฎีกาจำเลยที่คัดค้านว่า ศาลอุทธรณ์ยกเอาคำให้การของคซึ่งไม่มีในสำนวนขึ้นมาวินิจฉัยเป็นถ้อยคำประจักษ์พยานโจทก์เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยที่คัดค้านว่า ศาลอุทธรณ์ยกเอาคำให้การของคซึ่งไม่มีในสำนวนขึ้นมาวินิจฉัยเป็นถ้อยคำประจักษ์พยานโจทก์เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ ลงโทษจำคุก จำเลย 5 ปีฎีกาจำเลยที่เถียงว่า จำเลยยิงขู่มิได้มีเจตนาจะฆ่านั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ ลงโทษจำคุก จำเลย 5 ปีฎีกาจำเลยที่เถียงว่า จำเลยยิงขู่มิได้มีเจตนาจะฆ่านั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำสั่งปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เนื่องจากเป็นการอุทธรณ์ คำสั่งระหว่างพิจารณานั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำสั่งปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เนื่องจากเป็นการอุทธรณ์ คำสั่งระหว่างพิจารณานั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
จำเลยยื่นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน วันนัดไต่สวนคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงบางประการ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำแถลงรับของคู่ความแล้ว เห็นว่าการไต่สวนไม่จำเป็นจึงงดไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืน คำสั่งศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 จำเลยจะฎีกาขอให้สั่งศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอ อนาถาอีกไม่ได้
จำเลยยื่นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน วันนัดไต่สวนคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงบางประการ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำแถลงรับของคู่ความแล้ว เห็นว่าการไต่สวนไม่จำเป็นจึงงดไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืน คำสั่งศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 จำเลยจะฎีกาขอให้สั่งศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอ อนาถาอีกไม่ได้
การที่จำเลยฎีกาว่า ก ไม่มีอำนาจไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจทั้งที่จำเลยยอมรับว่าคดีความผิดต่อแผ่นดินนั้นแม้ไม่มีการร้องทุกข์พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจดำเนินคดีได้ โดยจำเลยมิได้กล่าวโต้แย้งให้ชัดเจนว่าการแจ้งความต้องกระทำตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดจึงจะชอบ จึงยังไม่พอถือว่าฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
การที่จำเลยฎีกาว่า ก ไม่มีอำนาจไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจทั้งที่จำเลยยอมรับว่าคดีความผิดต่อแผ่นดินนั้นแม้ไม่มีการร้องทุกข์พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจดำเนินคดีได้ โดยจำเลยมิได้กล่าวโต้แย้งให้ชัดเจนว่าการแจ้งความต้องกระทำตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดจึงจะชอบ จึงยังไม่พอถือว่าฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
คำร้องฎีกาคำสั่งของโจทก์ที่คัดค้านว่าศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้แล้วจะเพิกถอนคำสั่งรับนั้นเองไม่ได้ การสั่งรับผิดถูกอย่างไรเป็นเรื่องของศาลสูงจะได้ชี้ขาดต่อไปนั้น ข้อคัดค้านดังนี้โจทก์จะคัดค้านขึ้นมาโดยทำเป็นคำร้องฎีกาคำสั่งมิได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 ที่บัญญัติให้ทำเป็นคำร้องส่งมายังศาลฎีกาวินิจฉัยได้. เป็นเรื่องที่จะต้องอุทธรณ์ฎีกาไปตามลำดับชั้น.(คดีนี้โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนให้ยกฟ้อง. เดิมศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ต่อมาอีก 1เดือนจึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมนั้น. อ้างว่าฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219.โจทก์ฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา).
คำร้องฎีกาคำสั่งของโจทก์ที่คัดค้านว่าศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้แล้วจะเพิกถอนคำสั่งรับนั้นเองไม่ได้ การสั่งรับผิดถูกอย่างไรเป็นเรื่องของศาลสูงจะได้ชี้ขาดต่อไปนั้น ข้อคัดค้านดังนี้โจทก์จะคัดค้านขึ้นมาโดยทำเป็นคำร้องฎีกาคำสั่งมิได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 ที่บัญญัติให้ทำเป็นคำร้องส่งมายังศาลฎีกาวินิจฉัยได้. เป็นเรื่องที่จะต้องอุทธรณ์ฎีกาไปตามลำดับชั้น.(คดีนี้โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนให้ยกฟ้อง. เดิมศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ต่อมาอีก 1เดือนจึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมนั้น. อ้างว่าฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219.โจทก์ฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา).
ฎีกาโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวแก่การวินิจฉัยคำพยานว่าสมควรจะเชื่อหรือไม่จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวแก่การวินิจฉัยคำพยานว่าสมควรจะเชื่อหรือไม่จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกจำเลยจาก 1 ปี 6 เดือน เป็น3 ปี นั้น เป็นการแก้ไขน้อยต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกจำเลยจาก 1 ปี 6 เดือน เป็น3 ปี นั้น เป็นการแก้ไขน้อยต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยฎีกาว่าโจทก์สืบเพียงว่าจำเลยใช้เช็คปลอม โดยมิได้นำสืบว่าตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(4) นั้นหมายถึงเช็ค ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ปัญหาว่าโจทก์จะต้องสืบพยานหรือไม่เช็คเป็นตั๋วเงินหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
จำเลยฎีกาว่าโจทก์สืบเพียงว่าจำเลยใช้เช็คปลอม โดยมิได้นำสืบว่าตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(4) นั้นหมายถึงเช็ค ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ปัญหาว่าโจทก์จะต้องสืบพยานหรือไม่เช็คเป็นตั๋วเงินหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยซึ่งโต้เถียงว่า โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด3 ปี จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาจำเลยซึ่งโต้เถียงว่า โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด3 ปี จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาจำเลยที่ว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างรับฟังมาจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยที่ว่า ข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างรับฟังมาจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยกระทำในนามของสมาคม แต่ศาลล่างกลับฟังว่าทำในฐานะส่วนตัวไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้องแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงข้อโต้เถียงในฎีกาจำเลยที่ว่าศาลแปลความหมายในเอกสารรายงานการตรวจของผู้เชี่ยวชาญ ผิดจากที่ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็น เมื่อปรากฏว่าความจริงผู้เชี่ยวชาญมิได้ลงความเห็นดังที่จำเลยอ้าง สรุปฎีกาจำเลยเป็นการเถียงว่าเอกสารไม่ปลอม จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา264,265,268,341 และ343 แต่ ลงโทษตามมาตรา 268 ประกอบ มาตรา 265 อันเป็นกระทงหนักสุด ศาลอุทธรณ์แก้ เฉพาะบทมาตราความผิดว่าผิดตามมาตรา 268,341 และ 343 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 อันเป็นกระทงหนัก ส่วนกำหนดโทษเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยกระทำในนามของสมาคม แต่ศาลล่างกลับฟังว่าทำในฐานะส่วนตัวไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้องแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงข้อโต้เถียงในฎีกาจำเลยที่ว่าศาลแปลความหมายในเอกสารรายงานการตรวจของผู้เชี่ยวชาญ ผิดจากที่ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็น เมื่อปรากฏว่าความจริงผู้เชี่ยวชาญมิได้ลงความเห็นดังที่จำเลยอ้าง สรุปฎีกาจำเลยเป็นการเถียงว่าเอกสารไม่ปลอม จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา264,265,268,341 และ343 แต่ ลงโทษตามมาตรา 268 ประกอบ มาตรา 265 อันเป็นกระทงหนักสุด ศาลอุทธรณ์แก้ เฉพาะบทมาตราความผิดว่าผิดตามมาตรา 268,341 และ 343 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 อันเป็นกระทงหนัก ส่วนกำหนดโทษเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ทุนทรัพย์ 2,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยที่ดินที่โจทก์นำยึดทางตอนเหนือ 4 ไร่คงให้ยึดขายทอดตลาดส่วนที่เหลือทางตอนใต้อีก 4 ไร่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ขายทอดตลาดที่ดินนั้นทั้งแปลง แล้วเอาเงินชำระผู้ร้องครึ่งหนึ่งก่อน อีกครึ่งหนึ่งใช้หนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ทุนทรัพย์ 2,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยที่ดินที่โจทก์นำยึดทางตอนเหนือ 4 ไร่คงให้ยึดขายทอดตลาดส่วนที่เหลือทางตอนใต้อีก 4 ไร่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ขายทอดตลาดที่ดินนั้นทั้งแปลง แล้วเอาเงินชำระผู้ร้องครึ่งหนึ่งก่อน อีกครึ่งหนึ่งใช้หนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
การที่โจทก์ขอรับเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายที่จำเลย ที่ 1 วางศาลเพื่อใช้แทนโจทก์ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับคดี เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาและทำคำสั่ง แม้โจทก์เคยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต โดยให้รอการจ่ายไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดเสียก่อน โจทก์ยื่นคำร้องตรงมายังศาลฎีกาไม่ได้
การที่โจทก์ขอรับเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายที่จำเลย ที่ 1 วางศาลเพื่อใช้แทนโจทก์ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับคดี เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาและทำคำสั่ง แม้โจทก์เคยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต โดยให้รอการจ่ายไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดเสียก่อน โจทก์ยื่นคำร้องตรงมายังศาลฎีกาไม่ได้
ผู้ที่ปกครองทรัพย์ที่พิพาทกันเฉพาะบางส่วน ไม่อาจเข้าเป็นคู่ความแทนที่คู่ความฝ่ายที่มรณะได้
ผู้ที่ปกครองทรัพย์ที่พิพาทกันเฉพาะบางส่วน ไม่อาจเข้าเป็นคู่ความแทนที่คู่ความฝ่ายที่มรณะได้
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าตามพฤติการณ์มีเหตุที่จำเลยควรเชื่อว่าคดียังไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้มีเจตนากระทำความผิดนั้น เป็นการวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อฎีกาข้อกฎหมายในปัญหาที่ว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ฎีกาของโจทก์ไม่อาจทำให้คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เปลี่ยนแปลงไป ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าตามพฤติการณ์มีเหตุที่จำเลยควรเชื่อว่าคดียังไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้มีเจตนากระทำความผิดนั้น เป็นการวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อฎีกาข้อกฎหมายในปัญหาที่ว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ฎีกาของโจทก์ไม่อาจทำให้คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เปลี่ยนแปลงไป ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
คดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|