ฎีกาของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า คำพยานโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยเหตุผล ไม่พอที่จะรับฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้ มิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นฎีกาที่ควรรับไว้พิจารณา
ฎีกาของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า คำพยานโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยเหตุผล ไม่พอที่จะรับฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้ มิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นฎีกาที่ควรรับไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการ พิพากษายกฟ้องในปัญหาข้อกฎหมาย คดีไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการ พิพากษายกฟ้องในปัญหาข้อกฎหมาย คดีไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อ วันที่ 13กุมภาพันธ์ 2512. จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม2512 จึงเกินกำหนดระยะเวลา 1 เดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 คดีเป็นอันขาดอายุความฎีกา
ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อ วันที่ 13กุมภาพันธ์ 2512. จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม2512 จึงเกินกำหนดระยะเวลา 1 เดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 คดีเป็นอันขาดอายุความฎีกา
เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นทายาทและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี ศาลก็อนุญาตให้เข้ารับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 ผู้มรณะได้ แม้โจทก์จะได้คัดค้านก็ตาม
เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นทายาทและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี ศาลก็อนุญาตให้เข้ารับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 ผู้มรณะได้ แม้โจทก์จะได้คัดค้านก็ตาม
ตามคำร้องฎีกาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์ โจทก์ยืนยันเฉพาะข้อที่ว่าศาลเอาทรัพย์นอกฟ้องของโจทก์มาวินิจฉัยคดียกฟ้องโจทก์ว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยไม่มีข้อกฎหมายดังที่โจทก์อ้างทั้งในฟ้องฎีกาโจทก์กลับเถียงข้อเท็จจริงอีกด้วย ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ตามคำร้องฎีกาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์ โจทก์ยืนยันเฉพาะข้อที่ว่าศาลเอาทรัพย์นอกฟ้องของโจทก์มาวินิจฉัยคดียกฟ้องโจทก์ว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยไม่มีข้อกฎหมายดังที่โจทก์อ้างทั้งในฟ้องฎีกาโจทก์กลับเถียงข้อเท็จจริงอีกด้วย ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
การที่ทนายความไปทำธุรกิจส่วนตัว ต้องเดินทางผ่านเส้นทางที่ทางการตักเตือนมิให้ผ่าน เนื่องจากการปราบปรามผู้ก่อการร้ายต้องเสียเวลาเดินทางหลายวัน มิใช่ เหตุสุดวิสัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ที่จะขอขยายเวลายื่นคำแก้ฎีกา ภายหลังครบกำหนดยื่นคำแก้ฎีกาได้
การที่ทนายความไปทำธุรกิจส่วนตัว ต้องเดินทางผ่านเส้นทางที่ทางการตักเตือนมิให้ผ่าน เนื่องจากการปราบปรามผู้ก่อการร้ายต้องเสียเวลาเดินทางหลายวัน มิใช่ เหตุสุดวิสัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ที่จะขอขยายเวลายื่นคำแก้ฎีกา ภายหลังครบกำหนดยื่นคำแก้ฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในฐานความผิดต่อ พระราชบัญญัติอาวุธปืน แต่ยกฟ้องในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษในข้อหาฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานส่วนจำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานอีกกระทงหนึ่งเท่ากับเป็นการพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะ ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานนี้จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในฐานความผิดต่อ พระราชบัญญัติอาวุธปืน แต่ยกฟ้องในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษในข้อหาฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานส่วนจำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานอีกกระทงหนึ่งเท่ากับเป็นการพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะ ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานนี้จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อจำเลยในคดีฆ่าคนตายเป็นตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับกอง และจำเลยอื่นๆอีก 3 คน ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอิทธิพลและพรรคพวกทั้งข้าราชการตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองตลอดจนบุคคลธรรมดา ทำให้พยานโจทก์ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ไม่กล้า เบิกความเป็นพยานกรณีจึงมีเหตุอันควรที่จะให้โอนคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ได้
เมื่อจำเลยในคดีฆ่าคนตายเป็นตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับกอง และจำเลยอื่นๆอีก 3 คน ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอิทธิพลและพรรคพวกทั้งข้าราชการตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองตลอดจนบุคคลธรรมดา ทำให้พยานโจทก์ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ไม่กล้า เบิกความเป็นพยานกรณีจึงมีเหตุอันควรที่จะให้โอนคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ได้
ฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญารวมกันมา แม้คดีส่วนแพ่งยังไม่ยุติ แต่คดีส่วนอาญาศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดทางอาญา โจทก์จะฎีกาในคดีส่วนอาญาว่าคดีควรฟังลงโทษจำเลยได้นั้น เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญารวมกันมา แม้คดีส่วนแพ่งยังไม่ยุติ แต่คดีส่วนอาญาศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดทางอาญา โจทก์จะฎีกาในคดีส่วนอาญาว่าคดีควรฟังลงโทษจำเลยได้นั้น เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นก็ฎีกาได้
ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นก็ฎีกาได้
คดีที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์สมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลยและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์นั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์สมัครใจจำเลยก็มีความผิดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายแต่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คดีที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์สมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลยและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์นั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์สมัครใจจำเลยก็มีความผิดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายแต่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์จริงดังนั้น ฎีกาจำเลยที่ว่าจำเลยไม่ได้ขับรถยนต์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์จริงดังนั้น ฎีกาจำเลยที่ว่าจำเลยไม่ได้ขับรถยนต์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาที่ว่า เมื่อฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกร่วมชิงทรัพย์โดยจำเลยใช้มือล๊อคคอใช้เหล็กขูดชาฟจี้และแทงเจ้าทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ล๊อคคอใช้มีดจี้เจ้าทรัพย์ จำเลยช่วยจับตัวเจ้าทรัพย์ไม่ให้ดิ้นนั้น จะเป็นข้อแตกต่างในสารสำคัญที่จะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192(2)หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาในปัญหาที่ว่า เมื่อฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกร่วมชิงทรัพย์โดยจำเลยใช้มือล๊อคคอใช้เหล็กขูดชาฟจี้และแทงเจ้าทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ล๊อคคอใช้มีดจี้เจ้าทรัพย์ จำเลยช่วยจับตัวเจ้าทรัพย์ไม่ให้ดิ้นนั้น จะเป็นข้อแตกต่างในสารสำคัญที่จะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192(2)หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยที่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นของร้ายและพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาจำเลยที่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นของร้ายและพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรคสองซึ่งเป็นกระทงหนักกระทงเดียวมิได้วางบทกำหนดโทษตามมาตรา276 ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดมาตรา 340 วรรคสอง ให้ลงโทษตาม มาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงหนักให้จำคุกคนละ 5 ปี ถือว่าความผิดตามมาตรา276 นี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรคสองซึ่งเป็นกระทงหนักกระทงเดียวมิได้วางบทกำหนดโทษตามมาตรา276 ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดมาตรา 340 วรรคสอง ให้ลงโทษตาม มาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงหนักให้จำคุกคนละ 5 ปี ถือว่าความผิดตามมาตรา276 นี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
คดีที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลยที่สามเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่ได้ตัวมาภายในหนึ่งเดือน จึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยอื่นฟังนั้น ถือว่าจำเลยที่สามได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวแล้วโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยที่สามยื่นฎีกาเกินกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยขาดอายุความฎีกา
คดีที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลยที่สามเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่ได้ตัวมาภายในหนึ่งเดือน จึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยอื่นฟังนั้น ถือว่าจำเลยที่สามได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวแล้วโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยที่สามยื่นฎีกาเกินกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยขาดอายุความฎีกา
คดีที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินหนึ่งเดือนแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาจึงได้อ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟัง ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเกินหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษา ฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา
คดีที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินหนึ่งเดือนแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาจึงได้อ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟัง ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเกินหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษา ฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากโดยแก้ทั้งบทและโทษแต่ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีตามศาลชั้นต้นนั้นต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากโดยแก้ทั้งบทและโทษแต่ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีตามศาลชั้นต้นนั้นต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เมื่อจำเลยมีที่ดินและบ้านราคา 4,000 บาท เกินกว่าค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นคนยากจนที่ศาลจะอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้
เมื่อจำเลยมีที่ดินและบ้านราคา 4,000 บาท เกินกว่าค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นคนยากจนที่ศาลจะอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้
ฎีกาในปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|