ฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญารวมกันมา แม้คดีส่วนแพ่งยังไม่ยุติ แต่คดีส่วนอาญาศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดทางอาญา โจทก์จะฎีกาในคดีส่วนอาญาว่าคดีควรฟังลงโทษจำเลยได้นั้น เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญารวมกันมา แม้คดีส่วนแพ่งยังไม่ยุติ แต่คดีส่วนอาญาศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดทางอาญา โจทก์จะฎีกาในคดีส่วนอาญาว่าคดีควรฟังลงโทษจำเลยได้นั้น เป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นก็ฎีกาได้
ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นก็ฎีกาได้
คดีที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์สมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลยและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์นั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์สมัครใจจำเลยก็มีความผิดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายแต่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คดีที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์สมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลยและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์นั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์สมัครใจจำเลยก็มีความผิดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายแต่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์จริงดังนั้น ฎีกาจำเลยที่ว่าจำเลยไม่ได้ขับรถยนต์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์จริงดังนั้น ฎีกาจำเลยที่ว่าจำเลยไม่ได้ขับรถยนต์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาที่ว่า เมื่อฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกร่วมชิงทรัพย์โดยจำเลยใช้มือล๊อคคอใช้เหล็กขูดชาฟจี้และแทงเจ้าทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ล๊อคคอใช้มีดจี้เจ้าทรัพย์ จำเลยช่วยจับตัวเจ้าทรัพย์ไม่ให้ดิ้นนั้น จะเป็นข้อแตกต่างในสารสำคัญที่จะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192(2)หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาในปัญหาที่ว่า เมื่อฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกร่วมชิงทรัพย์โดยจำเลยใช้มือล๊อคคอใช้เหล็กขูดชาฟจี้และแทงเจ้าทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า พวกของจำเลยเป็นผู้ล๊อคคอใช้มีดจี้เจ้าทรัพย์ จำเลยช่วยจับตัวเจ้าทรัพย์ไม่ให้ดิ้นนั้น จะเป็นข้อแตกต่างในสารสำคัญที่จะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192(2)หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยที่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นของร้ายและพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาจำเลยที่ว่า ไม่รู้ว่าเป็นของร้ายและพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรคสองซึ่งเป็นกระทงหนักกระทงเดียวมิได้วางบทกำหนดโทษตามมาตรา276 ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดมาตรา 340 วรรคสอง ให้ลงโทษตาม มาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงหนักให้จำคุกคนละ 5 ปี ถือว่าความผิดตามมาตรา276 นี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 340 วรรคสองซึ่งเป็นกระทงหนักกระทงเดียวมิได้วางบทกำหนดโทษตามมาตรา276 ไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดมาตรา 340 วรรคสอง ให้ลงโทษตาม มาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงหนักให้จำคุกคนละ 5 ปี ถือว่าความผิดตามมาตรา276 นี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218
คดีที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลยที่สามเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่ได้ตัวมาภายในหนึ่งเดือน จึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยอื่นฟังนั้น ถือว่าจำเลยที่สามได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวแล้วโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยที่สามยื่นฎีกาเกินกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยขาดอายุความฎีกา
คดีที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลยที่สามเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่ได้ตัวมาภายในหนึ่งเดือน จึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยอื่นฟังนั้น ถือว่าจำเลยที่สามได้ฟังคำพิพากษาดังกล่าวแล้วโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยที่สามยื่นฎีกาเกินกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยขาดอายุความฎีกา
คดีที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินหนึ่งเดือนแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาจึงได้อ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟัง ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเกินหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษา ฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา
คดีที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินหนึ่งเดือนแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาจึงได้อ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟัง ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเกินหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษา ฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากโดยแก้ทั้งบทและโทษแต่ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีตามศาลชั้นต้นนั้นต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากโดยแก้ทั้งบทและโทษแต่ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีตามศาลชั้นต้นนั้นต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เมื่อจำเลยมีที่ดินและบ้านราคา 4,000 บาท เกินกว่าค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นคนยากจนที่ศาลจะอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้
เมื่อจำเลยมีที่ดินและบ้านราคา 4,000 บาท เกินกว่าค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นคนยากจนที่ศาลจะอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้
ฎีกาในปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องโจทก์ที่อ้างว่าพยานโจทก์ได้หลบหนีไม่กล้าเบิกความรวมทั้งพยานโจทก์ส่วนที่เหลืออยู่บางคนก็ไม่กล้ามาเบิกความเพราะฝ่ายจำเลยขู่เข็ญจะทำร้ายให้เสียชีวิตถ้าพยานโจทก์มาเบิกความที่ศาลจังหวัดชุมพร น่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายขึ้นและพยานที่เบิกความแล้วก็จะถูกทำร้ายนั้น เป็นกรณีมีเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ที่อนุญาตให้โอนคดีได้
คำร้องโจทก์ที่อ้างว่าพยานโจทก์ได้หลบหนีไม่กล้าเบิกความรวมทั้งพยานโจทก์ส่วนที่เหลืออยู่บางคนก็ไม่กล้ามาเบิกความเพราะฝ่ายจำเลยขู่เข็ญจะทำร้ายให้เสียชีวิตถ้าพยานโจทก์มาเบิกความที่ศาลจังหวัดชุมพร น่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายขึ้นและพยานที่เบิกความแล้วก็จะถูกทำร้ายนั้น เป็นกรณีมีเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ที่อนุญาตให้โอนคดีได้
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกแต่รอการลงโทษไว้ ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา220
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกแต่รอการลงโทษไว้ ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา220
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตตำบลนาเกลือและตำบลแหลมฟ้าผ่าติดต่อกัน ฉะนั้นฎีกาจำเลยที่ว่าเหตุเกิดอยู่ในเขตตำบลแหลมฟ้าผ่าตำบลเดียวเพื่อให้เห็นว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้องเพราะตามฟ้องว่าที่เกิดเหตุอยู่ตำบลนาเกลือจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีส่วนแพ่งที่โจทก์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์เป็นค่าเสียหาย 11,000บาท แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาต้องกันให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพียง 3,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา248
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตตำบลนาเกลือและตำบลแหลมฟ้าผ่าติดต่อกัน ฉะนั้นฎีกาจำเลยที่ว่าเหตุเกิดอยู่ในเขตตำบลแหลมฟ้าผ่าตำบลเดียวเพื่อให้เห็นว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้องเพราะตามฟ้องว่าที่เกิดเหตุอยู่ตำบลนาเกลือจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีส่วนแพ่งที่โจทก์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์เป็นค่าเสียหาย 11,000บาท แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษาต้องกันให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพียง 3,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา248
ฎีกาจำเลยในปัญหาที่ว่า จำเลยเซ็นรับรองลายมือผู้สั่งจ่ายในเช็คและนำเช็คไปใช้ จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมกับผู้สั่งจ่ายออกเช็คหรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาจำเลยในปัญหาที่ว่า จำเลยเซ็นรับรองลายมือผู้สั่งจ่ายในเช็คและนำเช็คไปใช้ จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมกับผู้สั่งจ่ายออกเช็คหรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
คดีความผิดอันยอมความได้นั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายขอถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39
คดีความผิดอันยอมความได้นั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายขอถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39
คดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ที่พิพาทเกินกว่า 5,000 บาทไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกันก็ตาม ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ที่พิพาทเกินกว่า 5,000 บาทไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกันก็ตาม ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ฎีกาที่ว่า ผู้เสียหายมิได้ยินยอมให้จำเลยกระทำชำเราเจ้าพนักงานตำรวจบันทึกข้อความไว้โดยผู้เสียหายถูกจำเลยบังคับ และจำเลยพาผู้เสียหายไปโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า ผู้เสียหายมิได้ยินยอมให้จำเลยกระทำชำเราเจ้าพนักงานตำรวจบันทึกข้อความไว้โดยผู้เสียหายถูกจำเลยบังคับ และจำเลยพาผู้เสียหายไปโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาที่ว่า ไม่ควรงดสืบพยานโจทก์นั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาที่ว่า ไม่ควรงดสืบพยานโจทก์นั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
|
ผู้ส่งข้อความ | วันที่ส่งข้อความ | ข้อความ | action |
---|